วิธีคำนวณค่าไฟฟ้าจากมิเตอร์ ง่ายๆ ด้วยตัวเอง
การคำนวณค่าไฟฟ้าจากมิเตอร์เป็นทักษะที่สำคัญที่ทุกคนควรรู้ เพราะจะช่วยให้คุณเข้าใจการใช้ไฟฟ้าในบ้าน และสามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้ ในบทความนี้เราจะเรียนรู้วิธีอ่านมิเตอร์ไฟฟ้าและคำนวณค่าไฟฟ้าด้วยตัวเอง
ประเภทของมิเตอร์ไฟฟ้า
1. มิเตอร์แบบกลไก (Mechanical Meter)
มิเตอร์แบบดั้งเดิมที่มีหน้าปัดหมุนและตัวเลขแสดงผล เป็นมิเตอร์ที่พบเห็นได้ทั่วไปในบ้านเรือน
ลักษณะของมิเตอร์แบบกลไก
- • มีหน้าปัดหมุนแบบวงล้อ
- • แสดงตัวเลขการใช้งานเป็นหน่วยกิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh)
- • มีหน้าปัดแสดงแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า
- • ราคาถูกและทนทาน
2. มิเตอร์แบบดิจิทัล (Digital Meter)
มิเตอร์สมัยใหม่ที่แสดงผลเป็นตัวเลขดิจิทัล มีความแม่นยำสูง และสามารถส่งข้อมูลไปยังการไฟฟ้าได้
ข้อดีของมิเตอร์แบบดิจิทัล
- • แสดงผลชัดเจน อ่านง่าย
- • ความแม่นยำสูง
- • สามารถส่งข้อมูลอัตโนมัติ
- • มีระบบป้องกันการทุจริต
วิธีอ่านมิเตอร์ไฟฟ้า
การอ่านมิเตอร์แบบกลไก
มิเตอร์แบบกลไกจะมีหน้าปัดแสดงตัวเลข 5 หลัก โดยอ่านจากซ้ายไปขวา
หลักที่ 1
หลักที่ 2
หลักที่ 3
หลักที่ 4
หลักที่ 5
ตัวอย่าง: 12345 = 12,345 หน่วย (kWh)
การอ่านมิเตอร์แบบดิจิทัล
มิเตอร์แบบดิจิทัลจะแสดงตัวเลขชัดเจน อ่านได้ง่ายกว่า และมักจะแสดงข้อมูลเพิ่มเติม
ข้อมูลที่แสดงบนมิเตอร์ดิจิทัล
- • หน่วยการใช้งานปัจจุบัน (kWh)
- • แรงดันไฟฟ้า (V)
- • กระแสไฟฟ้า (A)
- • กำลังไฟฟ้า (kW)
- • วันที่และเวลา
วิธีคำนวณค่าไฟฟ้า
ขั้นตอนการคำนวณ
- อ่านมิเตอร์เดือนปัจจุบัน: บันทึกตัวเลขที่แสดงบนมิเตอร์
- อ่านมิเตอร์เดือนที่แล้ว: ดูจากใบเสร็จค่าไฟฟ้าเดือนก่อน
- คำนวณหน่วยที่ใช้: หน่วยเดือนปัจจุบัน - หน่วยเดือนที่แล้ว
- คำนวณค่าไฟฟ้า: หน่วยที่ใช้ × อัตราค่าไฟฟ้าต่อหน่วย
ตัวอย่างการคำนวณ
มิเตอร์เดือนที่แล้ว: 12,345 หน่วย
มิเตอร์เดือนปัจจุบัน: 13,245 หน่วย
หน่วยที่ใช้: 13,245 - 12,345 = 900 หน่วย
อัตราค่าไฟฟ้า: 4.42 บาทต่อหน่วย (อัตรา 1)
ค่าไฟฟ้า: 900 × 4.42 = 3,978 บาท
อัตราค่าไฟฟ้าแบบก้าวหน้า
การไฟฟ้าใช้ระบบอัตราแบบก้าวหน้า ซึ่งหมายความว่ายิ่งใช้ไฟฟ้ามาก อัตราต่อหน่วยก็จะสูงขึ้น
ช่วงการใช้ไฟฟ้า | อัตราต่อหน่วย | ตัวอย่าง |
---|---|---|
0-150 หน่วย | 3.2484 บาท | 150 × 3.2484 = 487.26 บาท |
151-400 หน่วย | 4.2218 บาท | 250 × 4.2218 = 1,055.45 บาท |
401+ หน่วย | 4.4217 บาท | 500 × 4.4217 = 2,210.85 บาท |
ตัวอย่างการคำนวณแบบก้าวหน้า
ตัวอย่าง: ใช้ไฟฟ้า 600 หน่วย
ช่วงที่ 1: 150 หน่วย × 3.2484 = 487.26 บาท
ช่วงที่ 2: 250 หน่วย × 4.2218 = 1,055.45 บาท
ช่วงที่ 3: 200 หน่วย × 4.4217 = 884.34 บาท
รวมค่าไฟฟ้า: 2,427.05 บาท
ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าไฟฟ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานสูง
- • เครื่องปรับอากาศ (1,000-3,000 วัตต์)
- • เครื่องทำน้ำอุ่น (3,000-4,500 วัตต์)
- • เตาไฟฟ้า (1,000-2,000 วัตต์)
- • เครื่องซักผ้า (500-2,000 วัตต์)
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานต่ำ
- • หลอดไฟ LED (5-15 วัตต์)
- • พัดลม (50-100 วัตต์)
- • ทีวี (100-300 วัตต์)
- • ตู้เย็น (100-500 วัตต์)
เคล็ดลับการประหยัดค่าไฟฟ้า
วิธีประหยัดค่าไฟฟ้า
- • ปิดเครื่องปรับอากาศเมื่อไม่ใช้งาน
- • ใช้หลอดไฟ LED แทนหลอดไส้
- • ตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 25-26°C
- • ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดพลังงาน
- • ตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นประจำ
การตรวจสอบความถูกต้อง
วิธีตรวจสอบมิเตอร์
หากสงสัยว่ามิเตอร์ทำงานผิดปกติ สามารถตรวจสอบได้ด้วยวิธีง่ายๆ
การทดสอบมิเตอร์
- 1. ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในบ้าน
- 2. ดูว่าหน้าปัดมิเตอร์ยังหมุนอยู่หรือไม่
- 3. หากยังหมุนแสดงว่าอาจมีไฟฟ้ารั่วไหล
- 4. ติดต่อช่างไฟฟ้าเพื่อตรวจสอบ
สรุป
การคำนวณค่าไฟฟ้าจากมิเตอร์ไม่ใช่เรื่องยาก หากเข้าใจหลักการและวิธีการที่ถูกต้อง การรู้วิธีอ่านมิเตอร์และคำนวณค่าไฟฟ้าจะช่วยให้คุณควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น และสามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อควรจำ
- • อ่านมิเตอร์ทุกเดือนเพื่อติดตามการใช้ไฟฟ้า
- • เข้าใจระบบอัตราแบบก้าวหน้า
- • ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด
- • ตรวจสอบมิเตอร์เป็นประจำ
ประโยชน์ที่ได้รับ
การรู้วิธีคำนวณค่าไฟฟ้าจะช่วยให้คุณเข้าใจการใช้ไฟฟ้าในบ้าน สามารถวางแผนการใช้ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว